กรณีชายวัย 30 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกรายงานว่าเป็นผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่อายุน้อยที่สุดในออสเตรเลียนั้น มีการเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 มิ.ย.) ว่าไม่ได้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว

ทางการเผยผ่านแถลงการณ์เมื่อช่วงเย็นวานว่าผลบวกปลอม (false positive) ที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวาย ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเร่งตรวจเชื้อในเมืองแบล็กวอเตอร์ (Blackwater) เมืองทำเหมืองห่างไกลในรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งชายคนดังกล่าวอาศัยอยู่

หลังชายคนนี้ถูกพบเสียชีวิตภายในบ้านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผลการทดสอบโรคโควิด-19 หลังการชันสูตรของเขากลับออกมาเป็นบวก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกจากเมืองมานานหลายเดือน ทั้งยังไม่มีรายงานผู้ป่วยรายอื่นในละแวกนั้น

ด้วยเหตุนี้ทางการจึงเร่งจัดตั้งคลินิกทดสอบระยะไกลและส่งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตามการติดต่อเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวเพื่อไขปริศนาครั้งนี้ ซึ่งประชาชนทั่วประเทศต่างให้ความสนใจ

วันอังคาร (2 มิ.ย.) แอนนาสตาเซีย พาลาสซ์ซุก (Annastacia Palaszczuk) มุขมนตรีแห่งรัฐควีนส์แลนด์ ออกมาขอโทษครอบครัวของชายผู้เสียชีวิตต่อความเศร้าโศกที่เกิดขึ้น รวมถึงความกดดันที่พวกเขาต้องเผชิญเนื่องจากมีการตรวจสอบอย่างละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม

“สำหรับครอบครัวผู้สูญเสียนั้น ดิฉันทราบดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องอันทุกข์ใจ และไม่อยากให้พวกเขาต้องกังวลอีกต่อไป ดิฉันทราบว่านี่คือช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับพวกเขา แต่เราก็ได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพได้ผลการชันสูตรแล้วเมื่อวานนี้ (1 มิ.ย.) และเราก็ยอมรับผลชันสูตรนั้น”

ด้าน คู่หมั้นของชายผู้เสียชีวิต ได้แสดงอาการป่วยบางประการ แต่มีผลทดสอบเป็นลบ ขณะที่สาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของเขายังไม่ได้รับการยืนยัน

ส่วน สตีเวน ไมล์ส (Steven Miles) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของควีนส์แลนด์ ออกมาแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของชายคนดังกล่าว พร้อมกำชับว่าผลการทดสอบที่เป็นบวกทั้งหมดต้องได้รับการปฏิบัติเสมือนผลลัพธ์จริง